เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า
http://www.mfa.go.th/main/
ข่าวเด่น : เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่จากภูมิภาคอาเซียนหารือผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเกี่ยวกับการสร้างประชาคมอาเซียนอย่างบูรณาการ
เมื่อวันที่ ๑๖ - ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดการประชุมร่วมระหว่างเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการประชุมและมอบนโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่จากภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศและมีผู้แทนจากส่วนราชการต่าง ๆ และภาคเอกชนเข้าร่วม
เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการประสานงานระหว่างจังหวัดกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ รวมทั้งส่วนราชการอื่น ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้งประสานยุทธศาสตร์จังหวัดกับยุทธศาสตร์ประเทศ ยุทธศาสตร์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน และยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทย โดยส่งเสริมให้จังหวัดเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค รวมทั้งสร้างกลไกการทำงานร่วมกันและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยเฉพาะระหว่างทีมประเทศไทยทั้งในและนอกประเทศและระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด โดยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จะมีบทบาทในการประสานและติดตามข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เพื่อผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ จะได้นำไปประกอบการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบายและแนวทางการดำเนินงานของจังหวัด เช่น การส่งเสริมการจำหน่ายสินค้า OTOP สินค้าเกษตร การหาทางแก้ไขปัญหามาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เป็นต้น
เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศอาเซียนรวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดย้ำถึงการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน การแก้ปัญหาเส้นเขตแดน ปัญหาชายแดน และการพัฒนาพื้นที่ชายแดน โดยส่งเสริมบทบาทของจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นพ้องว่าปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการแก้ไข ได้แก่ แรงงาน ยาเสพติด การลักลอบตัดไม้ อาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งหลายกรณีจำเป็นต้องป้องกันด้วยการเร่งพัฒนาพื้นที่ชายแดน
การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน เช่น การสร้างถนน สะพาน ด่านชายแดน รวมถึงการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบจำเป็นจะต้องให้ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศอาเซียนและผู้ว่าราชการจังหวัดเน้นว่าต้องสอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้านและในอาเซียน เพื่อให้การผ่านแดนของคนและสินค้า เป็นไปได้สะดวกขึ้น รวมทั้งให้ความสำคัญกับพื้นที่ในจังหวัดที่อยู่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจต่าง ๆ
เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ประจำประเทศอาเซียน และผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่า ในการก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียน ไทยต้องใช้ศักยภาพและจุดแข็งของไทยให้เต็มที่ เช่น ใช้ประโยชน์จากที่ตั้งของไทยที่อยู่กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงด้านกายภาพทั้งในและนอกภูมิภาค พร้อมกับเน้นการเชื่อมโยงกันในระดับประชาชน ส่งเสริมความเข้าใจและทัศนคติที่ดีต่อประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน ในประวัติศาสตร์และระบอบการปกครอง รวมถึงวัฒนธรรมซึ่งทั้งประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน
เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการประสานงานระหว่างจังหวัดกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ รวมทั้งส่วนราชการอื่น ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้งประสานยุทธศาสตร์จังหวัดกับยุทธศาสตร์ประเทศ ยุทธศาสตร์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน และยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของประเทศไทย โดยส่งเสริมให้จังหวัดเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค รวมทั้งสร้างกลไกการทำงานร่วมกันและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยเฉพาะระหว่างทีมประเทศไทยทั้งในและนอกประเทศและระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด โดยสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่จะมีบทบาทในการประสานและติดตามข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์เพื่อผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ จะได้นำไปประกอบการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบายและแนวทางการดำเนินงานของจังหวัด เช่น การส่งเสริมการจำหน่ายสินค้า OTOP สินค้าเกษตร การหาทางแก้ไขปัญหามาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เป็นต้น
เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศอาเซียนรวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดย้ำถึงการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน การแก้ปัญหาเส้นเขตแดน ปัญหาชายแดน และการพัฒนาพื้นที่ชายแดน โดยส่งเสริมบทบาทของจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นพ้องว่าปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการแก้ไข ได้แก่ แรงงาน ยาเสพติด การลักลอบตัดไม้ อาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งหลายกรณีจำเป็นต้องป้องกันด้วยการเร่งพัฒนาพื้นที่ชายแดน
การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน เช่น การสร้างถนน สะพาน ด่านชายแดน รวมถึงการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบจำเป็นจะต้องให้ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศอาเซียนและผู้ว่าราชการจังหวัดเน้นว่าต้องสอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้านและในอาเซียน เพื่อให้การผ่านแดนของคนและสินค้า เป็นไปได้สะดวกขึ้น รวมทั้งให้ความสำคัญกับพื้นที่ในจังหวัดที่อยู่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจต่าง ๆ
เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ประจำประเทศอาเซียน และผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่า ในการก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียน ไทยต้องใช้ศักยภาพและจุดแข็งของไทยให้เต็มที่ เช่น ใช้ประโยชน์จากที่ตั้งของไทยที่อยู่กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงด้านกายภาพทั้งในและนอกภูมิภาค พร้อมกับเน้นการเชื่อมโยงกันในระดับประชาชน ส่งเสริมความเข้าใจและทัศนคติที่ดีต่อประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน ในประวัติศาสตร์และระบอบการปกครอง รวมถึงวัฒนธรรมซึ่งทั้งประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน
ttp://www.aspirationlaw.com/